เมนู

อาหารวรรคที่ 2



1. อาหารสูตร



ว่าด้วยอาหาร 4 อย่าง



[28] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อาหาร 4 เหล่านี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความดำรงอยู่
ของหมู่สัตว์ผู้เกิดมาแล้ว หรือเพื่ออนุเคราะห์หมู่สัตว์ผู้แสวงหาที่เกิด.
อาหาร 4 เป็นไฉน. คือ [ 1 ] กวฬีการาหาร หยาบหรือละเอียด
[ 2 ] ผัสสาหาร [ 3 ] มโนสัญเจตนาหาร [ 4 ] วิญญาณาหาร อาหาร
4 เหล่านี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อความดำรงอยู่ของหมู่สัตว์ผู้เกิดมาแล้ว หรือ
เพื่ออนุเคราะห์หมู่สัตว์ผู้แสวงหาที่เกิด.
[29] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อาหาร 4 เหล่านี้ มีอะไรเป็นเหตุ
มีอะไรเป็นที่ตั้งขึ้น มีอะไรเป็นกำเนิด มีอะไรเป็นแดนเกิด. อาหาร 4
เหล่านี้ มีตัณหาเป็นเหตุ มีตัณหาเป็นที่ตั้งขึ้น มีตัณหาเป็นกำเนิด มี
ตัณหาเป็นแดนเกิด มีตัณหานี้มีอะไรเป็นเหตุ มีอะไรเป็นที่ตั้งขึ้น มี
อะไรเป็นกำเนิด มีอะไรเป็นแดนเกิด. ตัณหามีเวทนาเป็นเหตุ มี
เวทนาเป็นที่ตั้งขึ้น มีเวทนาเป็นกำเนิด มีเวทนาเป็นแดนเกิด ก็เวทนานี้
มีอะไรเป็นเหตุ มีอะไรเป็นที่ตั้งขึ้น มีอะไรเป็นกำเนิด มีอะไรเป็นแดน
เกิด. เวทนามีผัสสะเป็นเหตุ มีผัสสะเป็นที่ตั้งขึ้น มีผัสสะเป็นกำเนิด

มีผัสสะเป็นแดนเกิด ก็ผัสสะนี้มีอะไรเป็นเหตุ มีอะไรเป็นที่ตั้งขึ้น มี
อะไรเป็นกำเนิด มีอะไรเป็นแดนเกิด. ผัสสะมีสฬายตนะเป็นเหตุ มี
สฬายตนะเป็นที่ตั้งขึ้น มีสฬายตนะเป็นกำเนิด มีสฬายตนะเป็นแดนเกิด
ก็สฬายตนะนี้มีอะไรเป็นเหตุ มีอะไรเป็นที่ตั้งขึ้น มีอะไรเป็นกำเนิด
มีอะไรเป็นแดนเกิด. สฬายตนะมีนามรูปเป็นเหตุ มีนามรูปเป็นที่ตั้งขึ้น
มีนามรูปเป็นกำเนิด มีนามรูปเป็นแดนเกิด ก็นามรูปนี้มีอะไรเป็นเหตุ
มีอะไรเป็นที่ตั้งขึ้น มีอะไรเป็นกำเนิด มีอะไรเป็นแดนเกิด. นามรูป
มีวิญญาณเป็นเหตุ มีวิญญาณเป็นที่ตั้งขึ้น มีวิญญาณเป็นกำเนิด มี
วิญญาณเป็นแดนเกิด ก็วิญญาณนี้มีอะไรเป็นเหตุ มีอะไรเป็นที่ตั้งขึ้น
มีอะไรเป็นกำเนิด มีอะไรเป็นแดนเกิด. วิญญาณมีสังขารเป็นเหตุ มี
สังขารเป็นที่ตั้งขึ้น มีสังขารเป็นกำเนิด มีสังขารเป็นแดนเกิด ก็สังขาร
เหล่านี้มีอะไรเป็นเหตุ มีอะไรเป็นที่ตั้งขึ้น มีอะไรเป็นกำเนิด มีอะไร
เป็นแดนเกิด. สังขารทั้งหลายมีอวิชชาเป็นเหตุ มีอวิชชาเป็นที่ตั้งขึ้น
มีอวิชชาเป็นกำเนิด มีอวิชชาเป็นแดนเกิด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะ
อวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาร เพราะสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ. . .
ดังพรรณนามาฉะนี้ ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วย
ประการอย่างนี้.
[30] ก็เพราะอวิชชานั้นแหละดับด้วยการสำรอกโดยไม่เหลือ
สังขารจึงดับ เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ. . . ความดับแห่งกองทุกข์
ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้.

จบอาหารสูตรที่ 1

อาหารวรรคที่ 2



อรรถกถาอาหารสูตรที่ 1



อาหารวรรค อาหารสูตรที่ 1

มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า อาหารา ได้แก่ปัจจัย. จริงอยู่ ปัจจัยท่านเรียกว่า อาหาร
เพราะนำผลให้แก่ตน. ในบทว่า ภูตานํ วา สตฺตานํ เป็นอาทิ พึง
ทราบเนื้อความดังต่อไปนี้. บทว่า ภูตา ได้แก่เกิดแล้ว คือบังเกิดแล้ว.
บทว่า สมฺภเวสิโน ได้แก่เหล่าสัตว์ผู้แสวงหา ค้นหาสมภพที่เกิด
ที่บังเกิด. บรรดากำเนิด 4 เหล่านั้น อัณฑชะสัตว์ ชลาพุชะสัตว์ยังทำลาย
กะเปาะไข่และฟองไข่ไม่ได้อยู่ตราบใด ชื่อว่า สัมภเวสี (ผู้แสวงหาภพ
ที่เกิด) อยู่ตราบนั้น. เหล่าสัตว์ที่ทำลายกะเปาะไข่และฟองไข่ออกมา
ภายนอก ชื่อว่า ภูต. เหล่าสังเสทชะสัตว์ และโอปปาติกะสัตว์ (สัตว์
ที่เกิดในเถ้าไคล และที่ผุดเกิดเอง) ชื่อว่า สัมภเวสี ในขณะแห่งจิต
ดวงแรก. ตั้งแต่ขณะจิตดวงที่ 2 ไป ชื่อว่า ภูต. อีกอย่างหนึ่ง
เหล่าสัตว์ที่ยังไม่ถึงอริยาบถอื่นจากอิริยาบถที่ตนเกิดตราบใด ก็จัดว่าเป็น
สัมภเวสีตราบนั้น. นอกจากนั้น ชื่อว่า ภูต. อีกอย่างหนึ่ง บทว่า
ภูตา ได้แก่เกิดแล้ว คือบังเกิดแล้ว ภูตเหล่าใด คือ ภูตที่ถึงการนับ
(ที่จัดเจ้าในประเภทที่) ว่า จักไม่มี (การเกิด) อีก คำนั้นเป็น
ชื่อของพระขีณาสพเหล่านั้น. ชื่อว่า สัมภเวสี เพราะแสวงหาภพที่เกิด.
คำนั้น เป็นชื่อของพระเสขะ และปุถุชนผู้แสวงหาภพต่อไป เพราะ
ยังละภวสังโยชน์ไม่ได้
ด้วยอาการอย่างนี้ กิเลสภวสังโยชน์นั้น จึง
ยึดสรรพสัตว์ไว้ด้วยบททั้ง 2 นี้โดยประการทั้งปวง. อนึ่ง วา ศัพท์